วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551

เทคโนโลยี(Technology)

เทคโนโลยี(Technology)
ความหมายและประเภท
เทคโนโลยีเป็นความเชื่อมระหว่างความชำนาญ ความรู้ ประสบการณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตและการกระจายสินค้าและบริการเทคโนโลยีรวมอยู่ในกิจกรรมทั้งหมดขององค์การ และอัตราเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเกิดนวัตกรรมของสำนักงานเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมี 2 ชนิด คือ
1)QuantumTechnologicalChange
เป็นการเคลื่อนย้ายเทคโนโลยีแบบพื้นฐานซึ่งมีผลต่อนวัตกรรมของสินค้าและบริการใหม่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การพัฒนาของ Internet และการพัฒนาของวิศวพพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Biotechnology
2)IncrementalTechnologyChange เป็นการเปลี่ยนแปลงที่กลั่นกรองเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วและนำไปสู่การปรับปรุงทีละเล็กทีละน้อย ตัวอย่างเช่น บริษัท Intel มีการปรับปรุงไมโครโปรเซสเซอร์เป็นลำดับจากเริ่มต้น 4404 8088 8086 286 386 486 และ Pentium6 เป็นต้นเทคโนโลยีมีหลายประเภท เช่น CAD ใช้ออกแบบทางค้านวิศวกรรม CAM ใช้เพื่อตรวจสอบการผลิต GT ใช้ในการจัดเก็บและการผลิต และ Robotics ใช้ปฏิบัติทำงานแทนมนุษย์ เป็บต้น แต่ที่สำคัญและจำเป็นที่สุดสำหรับสำนักงานในปัจจุบันและอนาคต คือสารสนเทศ หรือ IT
เทคโนโลยีสารสเทศ
สารสนเทศหริอITกล่าวถึงกระบวนการการปฏิบัติหรือระบบใดๆซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับกระบวนการและการเคลื่อนย้ายข้อมูล ปัจจุบันทุกคนมีความคุ้นเคยกับองค์ประกอบสมัยใหม่ของ IT เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) การใช้ Internet, Email เป็นต้น ส่วนคำว่าระบบข้อมูล เป็นผลรวมของเทคโนโลยี มนุษย์ และองค์การ ดังสมการนี้IS = Technology + คน+องค์การ
และการบริหารระบบข้อมูลจะช่วยเกิดการตัสินใจเพื่อสนับสนุนผู้บริหารโดยผลิตรายงานที่ได้มาตรฐานและมียอดสรุปรวมตามพื้นฐานทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีระบบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอีกมากมาย เช่น ESS ES DSS
ประโยชน์ของเทคโนโลยี
1) ใช้ในการเพิ่มผลผลิตและลอต้นทุน
2) เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพ
3) พัฒนาสำนักงานอัตโนมัติ
4) เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขว้างไกลขึ้น
5) ช่วยในการควบคุม วางแผน และการตัดสินใจ
6) สร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน
อุปสรรคของเทคโนโลยี
1)ปัญหาด้านเทคโนโลยี โดยขาดมาตรฐานความคงที่ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจซึ่งใช้ IT ที่แตกต่าง จะมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน
2)การต่อต้านจากผู้ใช้เหตุผลเบื้องต้นคือเกิดความกลัวเทคโนโลยีไม่ชอบใช้เทคโนโลยีและขาดการสนับสนุนจากพนักงานภายในสำนักงาน
3)การคัดค้านทางการเมืองเพราะอิทธิพลของITที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงในสำนักงานอาจทำให้เสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนั้นคัดค้าน โดยยุทธวิธีต่างๆ
ข้อจำกัดของเทคโนโลยี
1) ขาดความอิสระเพราะการพึ่งพาเทคโนโลยี
2) ขาดมนุษยสัมพันธ์ในสำนักงาน รวมทั้งลูกค้าและแขกผู้มาเยือน
ผลกระทบของเทคโนโลย
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นที่รู้จักและพบเห็นเป็นเรื่องปกติทั่วไป ทั้งในชีวิตการทำงานและในชีวิตส่วนตัว ธุรกิจหลายชนิดพัฒนาและนำเสนอเทคโนโลยีใหม่เชิงนวัตกรรม ประสพความสำเร็จและมีการเติบโตสูงมากในปปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจบางแห่งได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เทคโนโลยียังอาจมีผลกระทบต่อพฤติกรรมในองค์การในเชิงลบโดยเกิดความรู้สึกไม่มั้นคงปลอดภัย เพราะเกรงว่าจะมีคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีอื่นมาทดแทนคนจะเห็นได้จากมีการลดขนาดองค์การ และปลดออก รวมทั้งการรีเอ็นจิเนียรี่งในสำนักงาน
การจัดการกับเทคโนโลยี
1) คำนึงถึงเป้าหมายหลักขององค์การและวเคราะห์ผลในการนำเทคโนโลยีมาใช้
2) ตรวจสอบเทคโนโลยีที่ใช้อยู่
3) สร้างระบบสนับสนุนในการปฏิบัติงานกับเทคโนโลยี
4) เน้นความเข้าใจที่ถูกต้องกับเทคโนโลยีให้พนักงานได้ทราบ

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

Reengineering



Re-Engineering การรีเอ็นจิเนียริ่งกระบวนการทางธุรกิจเป็นแนวคิดทางธุรกิจในทศวรรษที่ 1990 แต่ในทางปฏิบัติจริงก็ยังไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าแนวคิดของการพัฒนาคุณภาพทั่วทั้งองค์การ หรือ Total Quality Management (TQM) ซึ่งมุ่งเน้นที่กระบวนการ
Reengineering หรือ “การรื้อปรับระบบ” เป็นคำที่ ไมเคิล แฮมเมอร์ และเจมส์ แชมปี้ ริเริ่มใช้ในหนังสือชื่อ Reengineering the Corporation ในฐานะที่เป็นคำประกาศการปฏิวัติธุรกิจ หรือ A Manifesto for Business Revolution เมื่อปี 1993 ก่อนที่จะเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดที่จัดโดย นิวยอร์ก ไทม์ และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศกว่า 14 ภาษา ทำให้เป็นคำที่มีการกล่าวขานถึงอย่างกว้างขวาง
คำนิยามที่ถูกต้องและเป็นทางการของการรื้อปรับระบบ หรือ
Reengineering คือ การพิจารณาหลักการพื้นฐานของกระบวนการทางธุรกิจ และการออกแบบขึ้นใหม่อย่างถอนรากถอนโคน เพื่อมุ่งบรรลุผลลัพธ์ของการปรับปรุงอันยิ่งใหญ่ โดยใช้มาตรวัดผลการปฏิบัติงานที่ทันสมัย และที่สำคัญได้แก่ ต้นทุน คุณภาพ การบริการ และความรวดเร็ว
ทั้งนี้ โดยมีคำศัพท์หลักที่สำคัญ ดังนี้
-พื้นฐาน (Fundamental) คำศัพท์หลักคำนี้เป็นคำถามพื้นฐานที่สุดและเป็นหัวใจสำคัญในการทำรีเอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งธุรกิจหรือองค์การจะต้องพิจารณาถึงพื้นฐาน สมมุติฐาน หรือกฎเกณฑ์ที่รองรับการดำเนินธุรกิจ และแฝงเร้นอยู่ในแนวทางปฏิบัติที่กำหนดขึ้นในการดำเนินงานหรือการดำเนินธุรกิจ โดยทั่วไป มักช่วยให้องค์การพิจารณาได้ว่าสมมุติฐานหรือกฎเกณฑ์นั้นผิดพลาด ไม่เหมาะสมหรือล้าสมัย ทั้งนี้ โดยการตั้งคำถามว่า “ทำไมเราจึงทำแบบนี้ ? ” , “ ทำไมเราจึงต้องทำอย่างที่เรากำลังทำอยู่ ? ” หรือ “ เราต้องทำอะไร หรือเราจะทำอย่างไร เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ? ” เป็นต้น
- ถอนรากถอนโคน (Radical) เป็นศัพท์ที่แผลงมาจากภาษาลาตินว่า Radix ซึ่งหมายถึง ราก การคิดหรือการออกแบบใหม่อย่างถอนรากถอนโคน หมายถึง การมุ่งที่รากแก้วของสิ่งทั้งหลาย ซึ่งไม่ใช่เพียงการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเพียงผิวเผิน แต่เป็นการทิ้งของเดิมไปทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง หรือการออกแบบใหม่บนพื้นฐาน สมมุติฐาน หลักการ หรือกฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมด
- ยิ่งใหญ่ (Dramatic) คำศัพท์หลัก “ยิ่งใหญ่” หรือ “ใหญ่หลวง” ในที่นี้ เป็นการเน้นย้ำว่า การทำรีเอ็นจิเนียริ่งมุ่งสู่การกระทำที่จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ของการทำงานที่ก้าวกระโดด หรือการบรรลุผลอันยิ่งใหญ่มโหฬาร เพราะความต้องการบรรลุเป้าหมายเพิ่มขึ้น การเพิ่มผลงาน หรือคุณภาพของผลงานเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่จำเป็นต้องอาศัยการทำรีเอ็นจิเนียริ่ง เพียงใช้วิธีการปรับปรุง แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็น่าจะเพียงพอแล้ว
-กระบวนการ (Process) คำว่ากระบวนการ นับเป็นคำศัพท์หลักที่สำคัญอีกคำหนึ่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสนหรือยุ่งยากสำหรับการทำรีเอ็นจิเนียริ่งอีกคำหนึ่ง เนื่องจากผู้บริหารหรือผู้อยู่ในแวดวงธุรกิจมักไม่ได้ให้ความสนใจกับ “กระบวนการ” ในระยะที่ผ่านมา มักมุ่งที่ตัวงาน เนื้องาน โครงสร้าง หรือตัวบุคคลผู้ปฏิบัติงานมากกว่า “กระบวนการ” คือ กลุ่มของกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมที่หนึ่ง หรือในกิจกรรมของการนำปัจจัยนำเข้า และกิจกรรมอื่น ๆ ตามลำดับ จนถึงกิจกรรมสุดท้ายที่เกิดเป็นผลลัพธ์หรือการได้รับปัจจัยนำออกที่มีคุณค่าเพิ่มขึ้น ตามแนวคิดของ อดัม สมิธ การดำเนินธุรกิจหรือการทำงานมักถูกแบ่งเป็นงานย่อย ๆ ที่ง่ายที่สุด เพื่อมอบหมายให้กับผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน ซึ่งเป็นผลให้ผู้ปฏิบัติงานในแต่ละงานมองไม่เห็นวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าหรือละเลยผลลัพธ์สุดท้ายของการทำงานที่ต้องการอย่างแท้จริง แต่กลับมุ่งพิจารณาหรือให้ความสนใจอยู่กับแต่ละงานย่อยของกระบวนการดำเนินธุรกิจหรือกระบวนการดำเนินงานเท่านั้น
• แนวคิดการรื้อปรับระบบ (Reengineering) เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงานใหม่ ที่ไม่สนใจการทำงานแบบเดิมที่ผ่านมา เพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดผลงานเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า เพื่อเพิ่มผลผลิตลดเวลา ลดขั้นตอน ลดเอกสาร และลดค่าใช้จ่ายในการทำงาน ซึ่งระบบธุรกิจเอกชนนำมาใช้ปรับปรุงองค์กรในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและเริ่มต้นนำมาใช้ในระบบราชการ
ขั้นตอนการรื้อปรับระบบ
1. การคิดค้นทบทวนใหม่ (Rethink)
2. การออกแบบกระบวนการทำงานใหม่(Redesign)
3. การเสริมเทคโนโลยี(Retool)
4. การฝึกอบรมบุคลากร(Retrain) การนำแนวคิดการรื้อปรับระบบมาใช้ในระบบราชการเพื่อมุ่งปรับเปลี่ยนทันคติผู้ปฎิบัติงานใหม่ ปรับลดขั้นตอนการทำงานลงเสริมการทำงานและปรับสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม สะดวกในการทำงานซึ่งเป็นมิติใหม่ของการทำงานการให้บริการของหน่วยราชการ
ตัวอย่าง - การให้บริการฝากถอนเงินของธนาคาร(แบบเดิม)
• การฝากถอนเงินผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอน
• มีพนักงานหลายคน แบ่งหน้าที่ ฝาก ถอน ตรวจสอบ อนุมัติ ผ่านพนักงานหลายคน
ใช้เวลานานในการฝากถอน
• ระบบการตรวจสอบด้วยเอกสาร - การใก้บริการฝากถอนเงินของธนาคาร(แบบใหม่)
• การฝากถอนเงินมีขั้นตอนลดลง
• มีพนักงานคนเดียวทำหลายหน้าที่ ฝากถอนตรวจสอบ อนุมัติด้วยพนักงานคนเดียวกันใช้เวลาลดลง
• มีการมอบอำนาจ พัฒนาบุคลากร • มีระบบการตรวจสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์
Re-Engineering คือ การ ปรับเปลี่ยน กระบวนการทำงาน ทั้งระบบ พูดง่ายๆภาษาชาวบ้าน คือ โล๊ะ เป็นการ ปรับเปลี่ยน โครงสร้าง ขององค์กร บริษัท ทั้งระบบจุดไหนที่ก่อให้เกิน ความล่าช้า เช่น คนงาน พนักงาน ผู้บริหาร ไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะทำการ เปลี่ยนแปลงทั้งระบบ (ไม่ใช่การปรับปรุงนะ) เป็นการเปลี่ยนใหญ่ ตัวอย่าง บริษัทหนึ่ง มียอดการผลิต ลดลงทุก ไตรมาศ ผู้บริหารระดับสูง หรือ เจ้าของกิจการ ก็อาจจะ พิจารณา กระบวนการทำงาน ทั้งระบบ แล้วก็เห็นว่า เป็นการยากที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะอาจจะใช้เวลามาก จึงตัดสินใจเอาพนักงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ออก (ล้างไพ่) แล้วทำการวางตำแหน่งงาน และดำเนินงานกันใหม่ เหมือนเปิด บริษัทใหม่ยังไงยังงั้น
-หัวใจสำคัญของการ Re-engineering อยู่ที่กระบวนการลักษณะสำคัญหรือจุดเน้นของการรื้อปรับระบบ หรือ การทำรีเอ็นจิเนียริ่งอยู่ที่ การมุ่งปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงาน การทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนที่แนวคิดพื้นฐาน สมมุติฐาน หรือหลักเกณฑ์เดิม การเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน และการมุ่งสู่ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่หรือผลลัพธ์อันใหญ่หลวง
องค์ประกอบ ของ การรื้อปรับระบบ มี 6 ข้อ ดังนี้-จัดโครงสร้าง ให้เป็น At come เหมาะแก่ประสิทธิภาพ และ Output เหมาะแก่ประสิทธิผล-มีการกำหนดหน่วยงาน-หน่วยงานแต่ละหน่วยงาน ต้องมีการเก็บข้อมูล-เสมือนกระจุกตัว ถามไรรู้หมด-มีการเชื่อมโยงกระบวนการต่างๆไปพร้อมกัน-มีลักษณะ Online
เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) กับ
Business Process Reengineering (BPR)
ในโลกปัจจุบันนี้อาจกล่าวได้ว่าการแข่งขันทางด้านคุณภาพและนวัตกรรมของสินค้าและการให้บริการเข้ามามีความสำคัญมากกว่าการแข่งขันทางด้านขนาดองค์กรหรือต้นทุนสินค้า ในขณะที่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ Information Technology (IT) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างไรก็ตามองค์กรส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบคอมพิวเตอร์เพียงเพื่อเพิ่มความรวดเร็วของกระบวนงานดั้งเดิมเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ปัญหาด้านประสิทธิภาพการทำงานยังถูกแก้ไม่ตรงจุด
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางด้านประสิทธิภาพการทำงานไม่เพียงแต่การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เท่านั้น องค์กรต้องมีการ reengineering กระบวนงานที่เก่าและล้าสมัยด้วย ความคิดเกี่ยวกับ Business Process Reengineering (BPR) จึงเกิดขึ้น โดยมีหลักสำคัญคือการวิเคราะห์และ redesign กระบวนงานและกฏระเบียบเก่า ๆ ในขณะเดียวกันต้องเสริมสร้างกระบวนการนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยการคำนึงถึงกระบวนงานในภาพรวมขององค์กรเป็นหลัก แทนที่จะเป็นการมองไปที่กระบวนของของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง โดยมีหลักสำคัญดังนี้
1. เน้นที่ผลลัพธ์ การทำReengineeringให้ความสนใจที่เป้าหมาย (objective- or outcome-oriented) มากกว่าตัวงาน (tasks) ดังนั้นจึงสนับสนุนให้มีทีมงานเพียงหนึ่งทีมทำงานทุกขั้นตอนของกระบวนงานหนึ่ง ๆ เพื่อลด time-overhead ที่บุคคลต้องติดต่อหรือถ่ายทอดงานกันและเพิ่มประสิทธิภาพของงานเนื่องจากมีผู้ที่รู้กระบวนงานและสถานะทั้งหมดในภาพรวม
2. หน่วยงานเบ็ดเสร็จ คือแนวความคิดที่ให้ผู้ที่ต้องการผลของกระบวนงานเป็นผู้ดำเนินกระบวนงานนั้นเอง นั่นคือ หน่วยงานสามารถมีบทบาทและหน้าที่ได้มากกว่าหนึ่งบทบาท
3. รวมข้อมูล คือการผนวกรวมการผลิตและการประมวลผลข้อมูลให้อยู่ในบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานเดียวกัน
4. กระจายทรัพยากร ทรัพยากรขององค์กรควรมีการกระจายเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความสะดวกในการใช้งานแต่ต้องสามารถบริหารจัดการได้จากจุดเดียวซึ่งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยองค์กรบริหารจัดการทรัพยากรที่กระจายเหล่านั้น เช่นข้อมูลสารสนเทศ เป็นต้น
5. ทำงานอย่างคู่ขนาน คือแนวความคิดให้องค์กรทำการเชื่อมโยงกิจกรรมที่ทำอย่างคู่ขนานกันในขณะที่มันกำลังดำเนินการอยู่แทนที่จะทำเป็นลำดับ
6. ลดลำดับการสั่งการ คือการทำระดับการบริหารให้แบนเรียบขึ้นและให้อำนาจการตัดสินใจในจุดที่เกิดกระบวนการทำงานขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตัดสินใจในงานที่เขาทำได้ด้วยตนเอง
7. ดึงข้อมูลจากแหล่งต้นทาง เพื่อเป็นการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล ข้อมูลจึงควรถูกรวบรวมแค่ครั้งเดียวและจากแหล่งกำเนิดข้อมูลเอง แล้วค่อย share ผ่านทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ BPR ไม่ใช่งานที่ต่างคนต่างทำ แต่ต้องทำข้ามกระบวนงานซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายหน่วยงานในองค์กร ดังนั้นการได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งสู่ความสำเร็จ ทั้งนี้นอกจากจะทำให้การควบคุมและตัดสินใจครอบคลุมกระบวนการทั้งหมดแล้ว ยังทำให้มองเห็นภาพรวมขององค์กรด้วย จะเห็นได้ว่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและBPRมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้จึงควรพิจารณาในด้านที่ช่วยสนับสนุนการ redesign กระบวนงานทางธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ยกตัวอย่างเช่นการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลโดยการเก็บในระบบฐานข้อมูลซึ่งให้แผนก-ส่วนต่างๆในองค์กรเข้าถึงได้จากที่เดียวและในขณะเดียวกันการมองกระบวนการทางธุรกิจก็ควรพิจารณาในด้านความสามารถที่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจะสามารถให้ได้ ด้วยเช่นกัน
แหล่งที่มาของข้อมูล

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เที่ยวถูผาตั้ง

ที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่ภูผาตั้ง

• วันที่ 1 เที่ยวที่ ผาบ่อง ประตูสยาม ป่าหินยูนนาน ช่องเขาขาด

• วันที่ 2 เที่ยวที่ จุดชมวิวทะเลหมอก เนิน103 ภูผาหม่น

• วันที่ 3 เที่ยวที่ ถ้ำเพชร แล้ว เดินทางกลับบ้าน

ทะเลหมอกภูผาตั้ง..มหัศจรรย์ช่องเขาขาด..


  • ลมเย็นแห่งเหมันตฤดูพัดเอื่อยโชยมายามเช้าตรู่ ท้องฟ้าสีฟ้าอมชมพูแกมแสดที่เห็นอยู่สุดริมขอบฟ้าเบื้องหน้าทำให้นึกถึงการชมทะเลหมอกบนภูชี้ฟ้ามาทันที มาปีนี้อยากเปลี่ยนที่ชมทะเลหมอกไปอีกฝากฝั่งหนึ่งที่ภูผาตั้ง เคยได้ยินคำกล่าวว่าที่นี้ก็มีทะเลหมอกที่สวยงามกว้างไกลสุดสายตา บรรยากาศก็เย็นสบาย และมีอะไรให้ค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ อีกมาก

  • จากจังหวัดเชียงรายเราใช้เส้นทางสายเชียงราย – เทิง ( ทางหลวงหมายเลข 1020 ) เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางปางค่า – ภูชี้ฟ้า ( ทางหลวงหมายเลข 1021 ) ที่แยกบ้านปี้ ราว 21 กิโลเมตร ถึงแยกบ้านร่มฟ้าไทย ( เลี้ยวขวาไปทางภูชี้ฟ้า ) เลี้ยวซ้ายตรงไปอีก 20 กิโลเมตร ถึงบ้านร่มฟ้าสยาม เป็นจุดนัดพบกับคุณอนันต์ บรรลุศักดิ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลปอ อ.เวียงแก่นเพื่อเข้าที่พักที่ร่มฟ้าสยามฮิลล์รีสอร์ท ก่อนจะไปชมพระอาทิตย์ตกดินบนภูผาตั้ง

  • ภูผาตั้งหรือดอยผาตั้ง ตั้งอยู่ที่บ้านผาตั้ง หมู่ที่ 14 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เดิมเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้ทหารจีนสังกัดกองพล 93 มาตั้งถิ่นฐาน เช่นเดียวกับที่ดอยแม่สลอง ลักษณะเป็นสันเขาคดเคี้ยว มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามจับตาน่าชมยิ่ง โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์อัศดงยามเย็น ท้องฟ้าสดใสประดับทิวเมฆปุยยาวเรียงขนานไปตามแนวพื้นเหนือเนินเทือกเขา ประดับสีสันสีชมพูอมแสด มองเห็นดวงตะวันกลมโตสีส้มฉูดฉาดค่อยๆ ลับทิวเมฆกลืนลงไปตามแนวสันเขายิ่งงดงาม ประทับใจ

  • จากบ้านร่มฟ้าสยามเดินทางขึ้นมาทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร จะถึงทางแยกขึ้นไปภูผาตั้งระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงปากทางขึ้นภูผาตั้งซึ่งเป็นฐาน ตชด.เดิม มีลานจอดรถกว้างใหญ่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าอาหารและของที่ระลึก และห้องน้ำสะอาดไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทางขึ้นภูผาตั้งได้มีการจัดทำบันไดหินคอนกรีตทำให้สะดวกสบายต่อการเดินขึ้นภูมากขึ้น จากปากทางขึ้น เรียน ไปประมาณ 20 เมตร จะได้พบกับช่อง “ผาบ่อง ประตูสยาม” อันเปรียบเสมือนประตูจากประเทศไทยสู่ประเทศลาวที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าและสายน้ำโขงที่พาดผ่านเป็นเส้นยาวผ่านแนวป่าอย่างชัดเจน

  • ถัดจากช่องผาบ่องขึ้นไปอีกราว 15 เมตร จะเป็นเนินที่ประดิษฐานพระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติและศาลาทรงเก๋งจีน อนุสรณ์สถานของนายพลหลี่ ผู้นำ ทจช. ในอดีต จากเนินตรงนี้เดินลงไปอีก 30 เมตร ก็จะพบทางขึ้นไปชม ป่าหินยูนนาน ซึ่งเป็นหินรูปทรงลักษณะคล้ายภูเขาในประเทศจีนที่มีรูปทรงสูงๆ หลายแหลมขึ้นสลับทับซ้อนสวยงามมาก ก่อนจะไปถึง ช่องเขาขาด ที่ห่างออกไปราว 30 เมตร ช่องเขามีลักษณะเป็นกินผาที่ขาดแยกจากกันเป็นช่องมองลงไปเห็นทิวทัศน์ประเทศลาวและสายแม่น้ำโขงได้ชัดเจนเช่นกันเพียงแต่เป็นหน้าผาสูงชัน ไม่มีเส้นทางเดินเลาะสันเขาเหมือนช่องผาบ่อง

  • จากจุดผาขาดเดินขึ้นดอยต่อไปยัง เนิน102 ระยะทางกว่า 300 เมตร จะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินทางฝั่งประเทศไทย และจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามกว้างไกลสุดสายตาทางฝั่งประเทศลาว ซึ่งตามจริงไม่เพียงชมทะเลหมอกทางฝั่งลาวได้ทางเดียวเท่านั้นทางฝั่งไทยก็สามารถชมได้ เห็นเป็นทิวหมอกละลอกคลื่นอยู่ไกลๆ หากขึ้นไปสำนักสงฆ์บ้านผาตั้ง ซึ่งห่างจาก เนิน102 ไปทางทิศตะวันตกราว 2 กิโลเมตร ก็จะเห็นทะเลหมอกบนทิวเขาฝั่งประเทศไทยได้สวยงามเช่นกัน

  • จากเนิน 102 ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 500 เมตร ก็จะเป็น จุดชมทะเลหมอก ที่กล่าวได้ว่าสวยงามที่สุดกว่าทุกยอดบนดอยผาตั้ง เรียกว่า เนิน103 เพราะจะชมทะเลหมอกได้กว้างไกลแบบพานอรามาถัดออกไปอีก 700 เมตร ก็จะเป็น ภูผาหม่น จุดผจญภัยเดินป่าที่น่าตื่นเต้นและเป็นทางออกของ ถ้ำเพชร ที่มีจุดเริ่มต้นที่บ้านร่มฟ้าสยาม ตลอดความยาวในถ้ำกว่า 200 เมตร ที่มีหินงอกหินย้อยที่เป็นหินทราย เมื่อต้องแสงไฟจะทำให้ปรากฏประกายระยิบระยับสวยงาม

  • ค่ำคืนที่ผาตั้งช่างเงียบสงบ ท้องฟ้ามีเพียงเดือนกับดาว ราวไพรที่มีเสียงจักจั่นร้องกับกลิ่นหอมของ ดอกลำโพง ช่างเป็นค่ำคืนที่มีความสุขจริงๆ ใน ทริปการเดินทางนี้ เขาว่าที่นี่มีเสน่ห์ให้ชวนหลงไหลทั้ง ดอกซากุระ ที่จะบานพร้อมกันราวเดือนพฤศจิกายน อาหาร จีนยูนนาน และอาหารปลอดสารพิษ ได้จิบไวน์ผลไม้เมืองหนาวหรือชาจีนอุ่นๆ และการชมไร่กาแฟ อาราบีก้ากับเวลาที่เหลืออยู่ นับเป็นเวลาที่คุ้มค่าอะไรเช่นนี้

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ATM

ปัจจุบันนี้ความสะดวกสบายทางการเงินรูปแบบใหม่ผ่านเครื่องเอทีเอ็มที่มาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งรูปแบบการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด ชำระ ค่า สินค้าและบริการ หรือเปลี่ยนรหัสบัตร ฯลฯ นับตังแต่วันนี้ การเดินทางไปธนาคารจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป




(ตัวอย่าง) K-ATM

ภาพรวมบริการ
เกร็ดความรู้เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ

ภาพรวมบริการ

  • บริการ K-ATM เป็นบริการที่คุณสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยที่มีอยู่มากกว่า 3,800 เครื่องทั่วประเทศ ซึ่งคุณสามารถใช้บริการได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เป็นช่องทางการให้บริการหลักของบริการต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น บริการถอนเงิน, สอบถามยอด, โอนเงิน, ซื้อ/ชำระค่าสินค้าและบริการ, และเปลี่ยนรหัสบัตร โดยมีสถานที่ให้บริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศ, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, แหล่งบันเทิงต่าง ๆ เป็นต้น นอกเหนือจากบริการต่าง ๆ ที่เป็นบริการหลักของทางธนาคารแล้ว ทางธนาคารได้เพิ่มบริการเสริมต่างๆมากมายเช่นบริการการส่ง SMS แจ้งผลการโอนเงิน บริการชำระค่าสินค้าแบบออนไลน์ และบริการสมัคร K-mAlert และ K-mBanking เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับคุณได้รับความพึงพอใจสูงสุด
    ด้วยบริการที่หลากหลายของ K-ATM ที่ถูกพัฒนาเพื่อให้มีความครบถ้วนและทันสมัย ด้วยบริการสารพัดรูปแบบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของบุคคลทุกๆกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทีต้องการความรวดเร็วสะดวกสบาย หรือกลุ่มที่ทันสมัยพร้อมรับกับนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

เกร็ดความรู้เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ


  • การเลือกใช้เครื่องเอทีเอ็ม
    หากเป็นไปได้ คุณควรเลือกใช้เครื่องเอทีเอ็ม ที่คุณเคยใช้อยู่เป็นประจำ หรืออย่างน้อยเลือกใช้เครื่องที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย
    สังเกตบริเวณที่ตั้งเครื่องเอทีเอ็ม ก่อนที่จะเข้าไปใช้เครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหากเห็นว่ามีบุคคลน่าสงสัยอยู่ในบริเวณ
    หลีกเลี่ยงการเปิดกระเป๋าถือ หรือกระเป๋าเงินระหว่างที่รอคิวใช้เครื่อง เตรียมบัตรเอทีเอ็ม ของคุณให้พร้อมก่อนใช้เครื่อง
    สังเกตดูที่เครื่องว่ามีการถูกดัดแปลงหรือไม่ เช่นดูว่าบริเวณที่สอดบัตรหรือบริเวณคีย์บอร์ด มี อุปกรณ์แปลกปลอมติดอยู่หรือไม่ หากสังเกตเห็นอุปกรณ์แปลกปลอม คุณไม่ควรใช้เครื่องเอทีเอ็มนั้นนอกจากนี้คุณควรดูว่าบนหน้าจอเครื่องแสดงข้อความแนะนำการใช้เครื่องที่ผิดไปจากข้อความที่คุณเคยใช้บริการ หากคุณสงสัยว่าเครื่องเอทีเอ็ม นั้นถูกดัดแปลง คุณควรใช้เครื่องเอทีเอ็มเครื่องอื่นรวมทั้งแจ้งให้ทางธนาคารเจ้าของเครื่องทราบ
    หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องเอทีเอ็มที่มีข้อความหรือป้ายที่แจ้งเตือนว่า ข้อความแนะนำการใช้เครื่องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อความถูกติดเหนือช่องรับบัตร เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายที่จะติดข้อความหรือป้ายประกาศใดๆ บนเครื่องโดยเฉพาะกรณีที่มีการดัดแปลงเครื่อง
  • การใช้เครื่องเอทีเอ็ม
    ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเมื่อมีคนแปลกหน้าเสนอตัวเข้ามาช่วยคุณในขณะที่คุณกำลังใช้เครื่อง แม้ว่าคุณกำลังมีปัญหาอยู่ เช่นบัตรติด หรือมีปัญหาการทำรายการต่างๆ รวมทั้งระมัดระวังบุคคลที่เข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจในขณะที่คุณยืนอยู่ในบริเวณเครื่องเป็นอันขาด
    ขณะรอใช้เครื่องอยู่ในแถว ควรรักษาระยะห่างกับคนอื่นที่อยู่ในแถว คุณควรระวังไม่ให้ใครสามารถแอบดูคุณระหว่างที่คุณกำลังกดรหัสบัตรได้
    ระหว่างใช้เครื่องเอทีเอ็ม คุณควรยืนประชิดกับตัวเครื่อง และควรเอามือป้องแผงคีย์บอร์ดในขณะที่คุณใส่รหัสบัตร ( คุณอาจจะใช้ข้อนิ้วกลางกดรหัสแทนปลายนิ้ว)
    ทำตามขั้นตอนที่แสดงบนจอ เช่นข้อแนะนำที่บอกไม่ให้คุณใส่รหัสบัตรจนกระทั่งเครื่องจะบอกให้ใส่ เป็นต้น
    เก็บสลิปที่ทำรายการทุกครั้ง เพื่อไว้ใช้เปรียบเทียบกับรายการเดินบัญชีประจำเดือนของคุณ
    หากบัตรของคุณติด ถูกยึดหรือสูญหาย คุณควรติดต่อธนาคาร ในทันที
    ไม่ควรรีบร้อนทำธุรกรรม คุณควรเก็บบัตร และธนบัตรเข้ากระเป๋าเงิน หรือกระเป๋าถือให้เรียบร้อยก่อนเดินออกจากบริเวณเครื่อง
  • ข้อควรกระทำในการใช้เครื่องเอทีเอ็ม
    จดจำรหัสประจำบัตรของคุณ (หากคุณจำเป็นต้องจดรหัสเก็บไว้ ไม่ควรเก็บรหัสนั้นรวมไว้ที่เดียวกับบัตร)
    ไม่ควรเปิดเผยรหัสบัตรให้บุคคลอื่นทราบ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือตำรวจ
    ไม่ควรตั้งรหัสประจำบัตรที่คนอื่นสามารถเดาได้ เช่น วันเกิดของคุณ เป็นต้น
    เปลี่ยนรหัสประจำบัตร เป็นระยะๆ หรือเมื่อมีบุคคลอื่นทราบ คุณควรกระทำการเปลี่ยนรหัสประจำบัตรทันที
    คุณควรจำกัดวงเงินการถอนที่เหมาะสม โดยแจ้งกับสาขาธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่
    ตรวจสอบดูยอดคงเหลือ รวมทั้งตรวจสอบสมุดบัญชีเงินฝากอยู่เป็นประจำ หากคุณสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ควรแจ้งให้ธนาคารทราบทันที

ได้ข้อมูลจาก

http://www.kasikornbank.com/portal/site/KBank/menuitem.0070e072a5eceec68fab7943658f3fa0/?vgnextoid=afa0ce1dfb81f010VgnVCM10000056f8f30aRCRD&vgnextchannel=afa0ce1dfb81f010VgnVCM10000056f8f30aRCRD

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

อุปกรณ์ที่นำมาใช้ในสำนักงานอัตโนมัติ


คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์สำคัญของการทำงานในสำนักงานอัตโนมัติอย่างหนึ่ง
ซึ่งคอมพิวเตอร์นี้ จะอำนวยความสะดวกในการทำงานในสำนักงานต่าง ๆ เช่น งาน
ด้านเอกสาร การเก็บรวบรวมข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ การติดต่อสื่อสาร และอื่น ๆ
ผ่าน Software ที่ใช้งานร่วมกันกับเครื่องคอมพิวเตอร์

LanCard
LanCard เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมี LanCard เพื่อให้สามารถติดต่อกันได้
โดยจะใช้ร่วมกันกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สายเคเบิล Hub/Switching เป็นต้น

Modem
Modem เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญานโทรศัพท์ ให้สามารถใช้งานร่วมกับเครื่อง
คอมพิวเตอร์ได้ Modem นี้จะนำมาใช้งานกับเครื่องแม่ข่าย หรือ Server ก็ต่อเมื่อระบบ
ต้องการใช้ Internet ในการติดต่อสื่อสาร และหาข้อมูลก็จะนำมาใช้งานร่วมกับ Switching
LanCard สายเคเบิล ซึ่งจะทำให้เครื่องลูกข่ายสามารถใช้งาน Internet ได้เช่นเดียวกับเครื่อง
แม่ข่าย หรือ Server

Software
Software เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันมี Software ใหม่ ๆ ที่จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของ
ระบบสำนักงานอัตโนมัติ เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows Linux NT เป็นต้น
ซึ่งจะมี Software ที่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ ของแต่ละชนิดได้
เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows จะมีชุด Microsoft Office ที่จะคอยอำนวย
ความสะดวกในการทำงานด้านต่าง ๆ ของสำนักงาน เป็นต้น

Switching/Hub
Switching/Hub เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อต่อกันระหว่าง สายเคเบิลที่พ่วงต่อกับ
LanCard ของเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เพื่อรวมกันเป็นชุดเพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการ
ใช้งาน ขนาดของ Switching/Hub มีหลากหลายขนาดด้วยกันแล้วแต่ว่าจะมีเครื่อง
คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในระบบมากน้อยเพียงได และต้องการใช้ความเร็วในการประมวลผล
ของระบบเท่าไร ก็สามารถกำหนดตามความต้องการใด้


สายเคเบิล





สายโคแอกเชียล



สายคู่ตีเกลียวไม่มีหุ้มฉนวน







สายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน

สายเคเบิลเป็นสื่อส่งข้อมูลที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ลักษณะทั่วไปเป็นสายทองแดง อาจมีหรือ
ไม่มีฉนวนหุ้ม ขึ้นอยู่กับชนิดของสายเคเบิล สายเคเบิลที่นิยมใช้กันมีอยู่ 3 ประเภท คือ

สายโคแอกเชียล (Coaxial)
สายคู่ตีเกลียวไม่มีหุ้มฉนวน (Unshielded twisted pair - UTP)
สายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน (Shielded twisted pair - STP)

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สรุปหลักเกณฑ์การพิจารณาการตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้

หลักเกณฑ์การพิจารณาการตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้ คือ การสร้างระบบที่ใช้ในการประมวลข่าวข้อมูลไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของข้อมูลที่เป็นตัวเลข รูปภาพข้อความ และเสียงที่มีระบบเป็นรูปแบบสามารถเก็บและเรียกมาใช้งานได้ตามต้องการ การบริหารข้อมูลข่าวสารสะดวกรวดเร็ว ปัจจัยที่สำคัญต่อระบบสำนักงานอัตโนมัติคือ ระบบการสื่อสาร โทรคมนาคม ซึ่งเป็นการสื่อสารเชื่อมต่อในการรวบรวมแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ดังนั้นการได้เปรียบเสียเปรียบจึงวัดกันที่ใครมีข้อมูลข่าวสารเพื่อนำมาตัดสินใจได้ดีกว่า ถูกต้องกว่าทันสมัยกว่า รวดเร็วกว่า และ สำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation) คือ กระบวนการในการนำเทคโนโลยีมาช่วยคนในสำนักงานให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้นรวมถึงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ เช่น เครื่องพิมพ์ดีดชนิดต่างๆ ที่อาศัยเทคโนโลยีชั้นสูง การสื่อสารด้วยเทคโนโลยีทางการสื่อสาร การนำระบบสำนักงานอัตโนมัติมาใช้จะช่วยให้องค์การได้ข้อมูลที่รวดเร็วทันต่อความต้องการ ข้อมูลมีความถูกต้องมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ลดเวลาในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสาร ใน ขณะเดียวกันก็ลดงานด้านการจัดทำเอกสาร และการจัดเก็บเอกสาร ลดปริมาณกระดาษที่ใช้สำนักงาน สำนักงานอัตโนมัติ เกิดขึ้นจากความพยายามขององค์กร ที่จะทำให้งานขององค์กร ถูกต้อง รวดเร็ว ตรวจสอบได้ และพนักงานขององค์กร ไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ในการทำงาน แต่งานสำนักงานอัตโนมัติ ต้องการบุคลากรที่มีคุณภาพ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ตามความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในหน่วยงาน